Galaxy Note 3 เปิดตัวด้วยความแรงและฟีเจอร์เหนือใคร!
เริ่มต้นเรามาพูดถึงรุ่นล่าสุดของหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่ร้อนแรงที่สุดแห่งยุค อย่าง Samsung Galaxy Note 3 กันก่อน เห็นได้ชัดว่า Note 3 นั้น ได้รับการอัพเกรดอย่างเต็มที่ทั้งรูปลักษณ์ภายนอก และเสปคภายในที่เพิ่มขึ้นชนิดที่เรียกได้ว่า “แรงแบบจัดเต็ม” เป็นอย่างมาก
โดยส่วนที่โดดเด่นที่สุดของ Note3 นั่นก็คือ สมาท์โฟนตัวนี้มาพร้อมกับหน้าจอ Full HD Super AMOLED ขนาดใหญ่ 5.7 นิ้ว (ความละเอียด 1920x1080 Pixel) ส่วนดีไซน์ภายนอกนั้น ตัวเครื่องจะเป็นทรงเหลี่ยมขอบมนคล้ายสมุดจดชั้นดี ขอบด้านข้างเป็นอลูมิเนียมดูสวยงามแวววาว ส่วนฝาหลังนั้นเป็นฝาพลาสติกหุ้มด้วยหนังให้ความรู้สึกหรูหราและยังช่วยให้จับถนัดมือมากขึ้น และที่ขาดไม่ได้เลยคือ S Pen ปากกาอเนกประสงค์ ซึ่งได้รับการเปลี่ยนดีไซน์ให้ใช้งานง่ายมากขึ้น รวมทั้งมีกล้องหน้าความละเอียดสูงระดับ 1.9 megapixel และกล้องหลังที่ให้ความคมชัดระดับ 13 megapixel! เรียกว่าเก็บภาพความประทับใจได้ทุกรายละเอียด และนำมาสร้างสรรค์ผลงานต่อได้อย่างเต็มรูปแบบเลยทีเดียว
ในส่วนของเสปคภายในนั้นเรียกว่าหายห่วง! เพราะ Note3 มาพร้อมกับหน่วยประมวลผล Exynos 5 Octa 1.9GHz quad-core สี่หัว ที่ไม่ว่าจะดูหนังแบบ Full HD หรือเล่นเกมสามมิติที่ต้องใช้พลังประมวลผลสูงๆ ก็ลื่นเนียนไม่มีกระตุก แถมตัวเครื่องยังมาพร้อมกับแรมแบบจัดเต็ม 3GB ช่วยให้สามารถใช้งานหลายโปรแกรมได้พร้อมกันแบบ Multi-Window ได้ลื่นไหล โดยจะมีความจุสองขนาดให้เลือก คือ 32GB และ 64GB (รองรับMicroSD เพิ่มความจุได้สูงสุด 64GB) รองรับการเชื่อมต่อ WiFi 802.11 a/ b/ g/ n/ ac (HT80) มี NFC และ Bluetooth® v 4.0 (LE) ในตัวมาให้พร้อมสรรพ
และนอกจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว ฟีเจอร์ด้านซอฟต์แวร์ภายในของ Note 3 ก็ยังมีการเพิ่มสิ่งที่เรียกว่า ฟีเจอร์ “Air Command” เข้ามา โดยฟีเจอร์นี้จะช่วยให้เราสามารถเรียกใช้ งาน App ที่จำเป็นต่อสถานการณ์ในชีวิตประจำวันได้อย่างสะดวกสบายสุดๆ เพียงแค่ผู้ใช้เพียงจรด S Pen ลงบนหน้าจอใดๆ ของ App ตัวไหนก็ได้ (โดยไม่จำเป็นทัช) จนปรากฏ Cursor เล็ก ๆ ขึ้นมา และกดปุ่มบน S Pen หนึ่งครั้ง บนหน้าจอก็จะปรากฏชุดคำสั่งขึ้นมาให้เลือกซึ่งมีด้วยกัน 5 ฟีเจอร์ ได้แก่ Action Memo, Scrapbooker, Screen Write, S Finder และ Pen Window ขึ้นมาให้เลือกใช้ทันที
Action Memo คือ ฟีเจอร์ที่ไว้สำหรับจดโน๊ตชื่อบุคคล เบอร์โทรศัพท์ หรือที่อยู่ อย่างรวดเร็วโดยใช้ปากกาเขียนลงไปได้ทันที และคุณสามารถเลือกโทร หรือบันทึกข้อมูลลง Contacts ส่งอีเมล์หาบุคคลนั้น หรือหาตำแหน่งบนแผนที่ก็ได้ทันที
Scrap Booker เป็นฟีเจอร์ที่ให้คุณเก็บหน้าข่าวหรือ Clip ที่คุณชอบจากอินเตอร์เน็ตไว้เป็นหมวดหมู่เพื่อนำมาเปิดดูทีหลังได้อย่างสะดวก รวมถึงสามารถเปิดย้อนกลับไปดูจากหน้าเว็บเพจนั้น ๆ และยังเป็นเครื่องมือในการจดโน๊ตช่วยจำ ประกอบบนหน้าข่าวหรือ Clip ที่คุณเก็บเอาไว้ได้แบบทันทีไม่มีพลาด แถมยังแชร์ออกไปให้เพื่อนๆ ได้ง่ายอีกด้วย
S Finder ฟีเจอร์นี้ใช้สำหรับค้นหาข้อมูล “ทุกชนิด” บนเครื่องของคุณแบบไม่จำกัดว่าจะอยู่ในรูปแบบไหน ไม่ว่าจะเป็น เว็บไซต์ Chatlog วีดีโอ ข้อความ SMS หรือข้อมูลที่เก็บไว้บน S Note หรือ Scrapbook ก็สามารถค้นหาได้รวดเร็วและฉับไว ที่พิเศษก็คือ ผู้ใช้สามารถค้นหา “ลายมือ” ของตัวเองที่จดบันทึกไว้บน Note3 ได้อีกด้วย! ทีนี้ไม่ว่าจะจดอะไรไว้ก็ไม่มีวันลืมหรือพลาดแน่นอน
Screen Write คือฟีเจอร์ที่มีไว้สำหรับจดโน๊ตได้อย่างรวดเร็วทุกที่ ไม่ว่าจะอยู่บนหน้าจอ App ใดๆ ก็ตาม เช่น ถ้าหากเพื่อนของคุณ Chat มาถามว่าตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน คุณสามารถเปิด App หาสถานที่ๆ ต้องจาก การนั้นก็จดโน๊ตลงบนแผนที่ และส่งให้เพื่อนของคุณได้ทันที
Pen Window ฟีเจอร์นี้คือการยกระดับการใช้งาน Multi-Tasking ให้ใช้ได้ง่ายขึ้นอีก! เพียงแค่เราวาดรูปสีเหลี่ยมบนหน้าจอ เราก็สามารถเปิดใช้งาน Application พื้นฐาน อาทิ Phone, Contacts, Internet , ChatON, Calculator ได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าจะกำลังใช้งานอะไรอยู่ก็ตาม เช่น หากคุณบังเอิญท่องเว็บไปเจอป้ายลดราคาสินค้าอยู่ และเราต้องการคำนวณส่วนลดให้ชัดเจน เพียงใช้ฟีเจอร์นี้ เครื่องคิดเลขก็จะลอยขึ้นมาบนหน้าจอให้เรากดใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องสลับ App ไปมาให้ยุ่งยากอีกต่อไป
นอกจากนี้ Note 3 ยังใส่ใจในการ “บ่งบอกความเป็นตัวคุณ” ด้วยการมีสีให้เลือกด้วยกัน 3 สี คือ สีดำ ขาว และชมพู รวมถึงยังมี S View Cover ที่เพิ่มหน้าจอการใช้งานขณะปิดฝาให้กว้างขึ้น ทั้งยังรองรับการใช้ปากกาสั่งงานผ่านแผ่นปิดหน้าจอได้อีกด้วย
และนี่ก็เป็นการรีวิว Samsung Galaxy Note 3 แบบคร่าว ๆ ครับ ส่วนผลิตภัณฑ์ชิ้นต่อไปของ Samsung ก็คือ Samsung Galaxy Gear นั่นเอง
เปิดตัวนาฬิกาอัจฉริยะ อ่านเมล์ เช็ค FB รวดเร็วแค่ยกข้อมือ!
Samsung Galaxy Gear เรือนนี้ คือนาฬิกาอัจฉริยะที่มีหน้าจอ Super AMOLED ขนาด 1.63 นิ้ว ที่คมชัดและให้สีสันที่สวยงาม โดยมีฟีเจอร์หลัก ๆ ก็คือสามารถแจ้งเตือนเมื่อมีสายเรียกเข้า แสดงข้อความ และอีเมล์ที่ถูกส่งมาได้ตลอดเวลา
นอกจากนี้ Samsung Galaxy Gear ยังติดตั้งกล้อง 1.9 ล้านพิกเซลเอาไว้สำหรับเพิ่มความสะดวกในการถ่ายภาพและถ่ายวีดีโอแบบ HD สำหรับบันทึกข้อมูลสำคัญได้ในสถานการณ์ต่างๆ อย่างรวดเร็ว เสริมด้วยความจุแบตเตอรี่สูงถึง 25 ชม. เพื่อให้คุณใช้นาฬิกานี้ได้ทั้งวันแบบเลยทีเดียว
นอกจากนั้นตัว Galaxy Gear ยังมีฟีเจอร์ที่เรียกว่า Smart Relay โดยหากมีสายเข้า ผู้ใช้สามารถสนทนาได้โดยแค่ยกมือข้างที่มีนาฬิกาขึ้นมาแนบหูเพื่อรับสายสนทนาผ่านไมโครโฟนที่มีบนตัวเครื่องทันที รองรับฟีเจอร์ S Voice ที่สามารถสั่งงานแทบทุกอย่างได้ด้วยเสียง ไม่ว่าจะเป็นการโทรออก รับสาย สั่งพิมพ์ข้อความ รวมถึงตั้งนาฬิกาปลุกได้ แถมด้วยฟีเจอร์ Galaxy Auto Lock ที่นาฬิกาจะสั่งล็อกตัวเครื่องอัตโนมัติเมื่ออยู่ห่างกันเกิน 1.5 เมตร และปลดล็อกอัตโนมัติเมื่อกลับมาอยู่ในระยะทำการ
นอกจากนี้ทาง Samsung ยังมีแผนการที่จะเปิด Gear App Store เพื่อให้ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลด App มาติดตั้งลงบน Samsung Galaxy Gear ในการเพิ่มความสามารถต่างๆ ให้กับนาฬิกาเรือนนี้ได้อีกมากมาย โดยเฉพาะ App ที่เกี่ยวกับสุขภาพ หรือฟีเจอร์อื่นๆ ที่ทำให้ชีวิตสะดวกสบายขึ้น
โดยรวมแล้ว ภายในงาน Samsung Unpacked 2013 Episode 2 ครั้งนี้ ก็ถือได้ว่าเป็นอีกก้าวย่างที่สำคัญในการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคอย่างเรา ๆ ได้อย่างลงตัวมากทีเดียวครับ ยังไงก็รอติดตามข้อมูลและรายละเอียดอื่นๆ ของทั้ง Samsung Galaxy Note 3 และ Samsung Galaxy Gear ได้ที่นี่อีกไม่นานนะครับ
ที่มา https://www.blogger.com/blogger.g?blogID=4999214362996338501#editor/target=post;postID=1768561522469877570
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น